การจัดการ PM 2.5

ใช้ชีวิตอย่างไร ให้ปลอดภัยจาก PM 2.5

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยมีความรุนแรงและเป็นที่กังวลของประชาชนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่เป็นช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้สภาวะมลภาวะของอากาศที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายๆ แห่งในประเทศไทยเป็นที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยมีหลายปัจจัย โดยเฉพาะการเผาไหม้ของป่าไม้และการเผาไหม้ทางการเกษตร รวมถึงการปล่อยมลพิษจากสิ่งก่อสร้างและการขนส่งที่ไม่สะดวกสบายต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมที่มีการผลิตและประกอบอาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นอย่างมากในพื้นที่

ผลกระทบที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยมีความหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีปัญหาด้านทางสุขภาพอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และเด็ก ซึ่งผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงสุดคือการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ อาทิเช่น หอบหืด โรคเบาหวาน โรคเซลล์เลือดขาว และมะเร็งปอด เป็นต้น

นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพ ฝุ่น PM 2.5 ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมด้วย เช่น การลดประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากร การลดคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงส่งผลต่อการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่ต้องการอากาศสะอาดเป็นอย่างมาก

การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยต้องเน้นการร่วมมือและปฏิบัติการของทุกภาคส่วน โดยเริ่มจากการลดปริมาณการเผาไหม้ทางการเกษตรและป่าไม้ รวมถึงการลดการปล่อยมลพิษจากสิ่งก่อสร้างและการขนส่ง นอกจากนี้ยังมีหลายหน่วยงานและกลุ่มผู้ที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ดังนี้

1. หน่วยงานของรัฐ: ภาครัฐจะต้องมีการกำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ และตรวจสอบการปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการสนับสนุนการวิจัยเพื่อเพิ่มความเข้าใจและการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5

2. หน่วยงานภาคเอกชน: ภาคเอกชนสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้โดยการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เทคโนโลยีสำหรับการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทน รวมถึงการจัดการสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. ประชาชน: ประชาชนสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้โดยการลดการใช้รถส่วนตัว และการเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศเป็นหนึ่งในวิธีการที่ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนได้แก่ดังนี้

1. ลดการสูดอากาศมลพิษ: เครื่องฟอกอากาศช่วยลดการสูดอากาศซึ่งมีฝุ่น PM 2.5 และสารพิษอื่นๆ เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคภูมิแพ้ ทางเดินหายใจ

2. พักผ่อนและสร้างความสะดวกสบาย: เครื่องฟอกอากาศช่วยลดการเคลื่อนไหวของอนุภาค PM 2.5 ที่ส่งผลต่อความสะดวกสบายและความผ่อนคลายของผู้ใช้งาน เช่น ลดเสียงรบกวน และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศ

3. เพิ่มความปลอดภัย:ครื่องฟอกอากาศช่วยลดการเกิดเป็นไฟไหม้จากอนุภาค PM 2.5 ที่สามารถระเหยได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้สารเคมี เช่น ก๊าซหรือของเหลว ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง